รายละเอียดโครงการวิจัย

ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) :
การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรเพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) :
The Product Development from Medicinal Plants for Monetization to Community
หน่วยงานเจ้าของโครงการ :
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลักษณะโครงการวิจัย :
แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย :
ไม่ระบุ
ประเภทโครงการ :
โครงการวิจัยใหม่
วันเริ่มต้นโครงการ :
19 กุมภาพันธ์ 2559
วันสิ้นสุดโครงการ :
18 กุมภาพันธ์ 2560
ประเภทของการวิจัย :
งานวิจัยประยุกต์
ความสำคัญและที่มาของปัญหา :
         พืชสมุนไพรไทย (Thai Medicinal Plants) จัดเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีประวัติอันยาวนานในการนำมาใช้เป็นยาบำบัดรักษาอาการของโรครวมถึงการนำมาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพ ตลอดจนการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการประกอบอาหาร คนไทยในสังคมเกษตรกรรมตั้งแต่อดีตจึงสำนึกถึงคุณค่า และใช้ประโยชน์จากสมุนไพรกันอย่างกว้างขวาง และครบทุกมิติ สมุนไพรจึงเป็นองค์ความรู้หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีคุณค่าและได้รับการสืบทอดสืบกันมา แม้ในบางช่วงเวลาความสนใจที่จะใช้สมุนไพรอาจลดลงไปบ้าง เนื่องจากอิทธิพลของระบบการแพทย์แบบตะวันตก แต่ในภาวะปัจจุบันทั่วโลกได้หันมาใส่ใจกับระบบแพทย์ทางเลือก (Alternative Medical System) ซึ่งเป็นการผสมผสานทั้งระบบแพทย์แผนใหม่และการใช้สมุนไพรแผนโบราณกันอย่างกว้างขวาง และได้นำวิถีแห่งธรรมชาติมาใช้เป็นทางออกด้านสุขภาพอนามัย โดยการส่งเสริมการใช้ ปลูก และแปรรูปสมุนไพรกันอย่างแพร่หลาย จังหวัดนครสวรรค์เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่มีสภาพป่าที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ป่ายังคงมีความอุดมสมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ดังนั้นพืชสมุนไพรที่เจริญตามธรรมชาติ ในจังหวัดนครสวรรค์ จึงถูกเลือกเป็นพืชกลุ่มเป้าหมายในการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่สะดวกและง่ายต่อการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันทั้งการนำมาบำบัดรักษาอาการของกลุ่มโรคเบื้องต้น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และในรูปแบบของอาหารหรือเครื่องดื่ม ทั้งนี้สมุนไพรที่ได้รับความสนใจในการนำมาแปรรูปนั้นต้องเป็นกลุ่มพืชสมุนไพรที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนถึงประสิทธิภาพในการนำมาใช้ประโยชน์รวมถึงเป็นกลุ่มพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่เหมาะสม ในปัจจุบันพืชสมุนไพรจัดได้ว่าเป็นกลุ่มพืชที่ได้รับความนิยมในการมานำมาใช้ประโยชน์กันอย่างแพร่หลาย เนื่องด้วยสรรพคุณที่มีอยู่อย่างมากมายในพืชสมุนไพร เช่น สารเคมีในพืชสมุนไพรมีฤทธิ์ป้องกันและต้านจุลินทรีย์ก่อโรค ขจัดสารพิษ ควบคุมระดับฮอร์โมน ต้านอนุมูลอิสระ ประกอบกับประเทศไทยที่ถือได้ว่าเป็นแหล่งที่มีระบบนิเวศที่มีความอุดมสมบูรณ์ย่อมส่งผลให้เกิดความหลากหลายของพืชสมุนไพร การวิจัยในครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์ในการที่จะนำสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาทำการแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายในการนำไปใช้ประโยชน์ ตลอดจนถ่ายทอดองค์ความรู้ในการสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรแก่ประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และสามารถที่จะพึ่งพาตนเองในการแปรรูปพืชสมุนไพรให้เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อนำมาใช้บำบัดโรคเบื้องต้นที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน รวมถึงต่อยอดสร้างเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเชิงการค้าเพื่อเป็นการสร้างรายได้ต่อชุมชนต่อไป
วัตถุประสงค์ของโครงการ :
1. เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพร และการนำไปใช้ประโยชน์ 2. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ชุมชน
ขอบเขตของโครงการ :
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยประยุกต์ที่มีขอบเขตของการวิจัยดังนี้ 1. ประชากรที่ศึกษา คือ พืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์ 2. พื้นที่เป้าหมาย คือ บ้านเนื้อร้อน อ.หนองข่าหย่าง จังหวัดอุทัยธานี 3. ทำการสืบค้นข้อมูลในด้านฤทธิ์ของพืชสมุนไพรที่มีในจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อคัดเลือกพืชสมุนไพรที่น่าสนใจและเหมาะสมต่อการนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทต่างๆ 4. ทำการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เหมาะสมต่อการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรแก่ประชาชนในกลุ่มอำเภอเป้าหมาย 5. ช่วงเวลาของการวิจัยตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2558 – เดือนกันยายน 2559 6. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 6.1 พืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์ 6.2 ฤทธิ์ทางชีวภาพของพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์ 6.3 ผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์ 6.4 การถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์ 7. พืชสมุนไพร หมายถึง พืชที่ใช้ ทำเป็นเครื่องยา ซึ่งได้มาจากธรรมชาติในจังหวัดนครสวรรค์ และมีสรรพคุณในการรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ รวมถึงใช้ในการส่งเสริมสุขภาพร่างกายได้ พืชสมุนไพรนอกจากจะใช้เป็นยาแล้ว ยังใช้ประโยชน์เป็นอาหาร ใช้เตรียมเป็นเครื่องดื่ม ใช้เป็นอาหารเสริม เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง ใช้แต่งกลิ่น แต่งสีอาหาร
ผลที่คาดว่าจะได้รับ :
1. ได้ข้อมูลประโยชน์ของพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์ 2. ได้สารสกัดจากพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์ ที่วสามารถยับยั้งจุลอนทรีย์ก่อโรคและมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระได้ 3. ได้เครื่องสำอางสมุนไพร น้ำมันหอมระเหยสมุนไพร และอาหาร/เครื่องดื่มสมุนไพร 4. ชุมชนสามารถสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างง่ายๆได้ด้วยตัวเอง สร้างรายได้สู่ชุมชน
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล :
         การวิจัยระยะที่ 1 การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากพืชสมุนไพร 1.1 ประชากรที่ศึกษา - พืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ในจังหวัดนครสวรรค์ 1.2 กลุ่มตัวอย่าง - พืชสมุนไพรทั้งแบบสดและแห้ง ในจังหวัดนครสวรรค์ 1.3 วิธีการศึกษา ทดสอบการออกฤทธิ์ทางชีวภาพของพืชสมุนไพรบางชนิด - ทำการสกัดสมุนไพรที่ได้ทำการคัดเลือกไว้ด้วยตัวทำละลายน้ำนำมาระเหยตัวทำละลายด้วยเครื่อง evaporator เก็บสารสกัดที่ได้ในขวดสีชา และนำไปเก็บรักษาในตู้เย็นเพื่อรอทดสอบ - นำสารสกัดที่ได้จากพืชสมุนไพรต่างๆและยาปฏิชีวนะ (ตัวควบคุมบวก) มาทำการทดสอบการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคผิวหนังด้วยวิธี agar well diffusion บ่มเพาะเชื้อ สังเกตวงใส - นำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียก่อโรค มาหาค่า Minimal inhibitory concentration (MIC) และ ค่า Minimal bactericidal concentration (MBC) พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากสมุนไพร - การสร้างผลิตภัณฑ์กลุ่มทำความสะอาดจากพืชสมุนไพร โดยทำการคัดเลือกพืชสมุนไพรที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพในการยับยั้งเชื้อก่อโรค มาทำการพัฒนาเป็น แชมพู ครีมนวดผม โฟมล้างหน้า สบู่ และโทนเนอร์ เป็นต้น การวิจัยระยะที่ 2 การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรเพื่อการทำสปา 2.1 ประชากรที่ศึกษา - พืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ในจังหวัดนครสวรรค์ 2.2 กลุ่มตัวอย่าง - พืชสมุนไพรทั้งแบบสดและแห้ง ในจังหวัดนครสวรรค์ 2.3 วิธีการศึกษา ทดสอบการออกฤทธิ์ทางชีวภาพของพืชสมุนไพรบางชนิด - ทำการสกัดสมุนไพรที่ได้ทำการคัดเลือกไว้ด้วยตัวทำละลายน้ำนำมาระเหยตัวทำละลายด้วยเครื่อง evaporator เก็บสารสกัดที่ได้ในขวดสีชา และนำไปเก็บรักษาในตู้เย็นเพื่อรอทดสอบ - นำสารสกัดที่ได้จากพืชสมุนไพรต่างๆและยาปฏิชีวนะ (ตัวควบคุมบวก) มาทำการทดสอบการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคผิวหนังด้วยวิธี agar well diffusion บ่มเพาะเชื้อ สังเกตวงใส - นำสารสกัดที่ได้มาทำการทดสอบกิจกรรมในการต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระด้วยวิธีที่เหมาะสม พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพร - วิธีการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพร วิธีที่ 1 นำสมุนไพรที่สนใจและให้ฤทธิ์ทางชีวภาพที่เหมาะสมมาล้างทำความสะอาด ผึ่งให้แห้ง จากนั้นจึงนำสมุนไพรมาทำการหั่นเป็นแว่นบางๆ นำไปทอดในน้ำมันพืชหรือใช้น้ำมันมะพร้าวโดยการใช้ไฟในระดับที่อ่อนที่สุด ทำการทอดจนเหลืองแยกกากออกนำน้ำมันหอมระเหยมาทำการเก็บไว้ในขวดสีชา วิธีที่ 2 สมุนไพรที่สนใจและให้ฤทธิ์ทางชีวภาพที่เหมาะสมมาล้างทำความสะอาด ผึ่งให้แห้ง จากนั้นจึงนำสมุนไพรมาทำการหั่นเป็นแว่นบางๆ นำทำการสกัดด้วยตัวทำละลายน้ำโดยการต้มที่ไฟอ่อนๆประมาณ 45 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง แยกน้ำและกากออกจากกัน นำน้ำมาทำการระเหยออกไปให้กลายเป็นไอด้วยเครื่อง evaporator นำน้ำมันที่ได้เก็บใส่ขวดสีชา นำน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิดมาทำการผสมกันตามสูตรต่างๆ เพื่อใช้เป็นการน้ำมันนวดเพื่อบำบัดอาการหรือนวดเพื่อเสริมความงาม ตามความพึงพอใจของผู้รับการนวด การวิจัยระยะที่ 3 การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากพืชสมุนไพร 3.1 ประชากรที่ศึกษา - พืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ในจังหวัดนครสวรรค์ 3.2 กลุ่มตัวอย่าง - พืชสมุนไพรทั้งแบบสดและแห้ง ในจังหวัดนครสวรรค์ 3.3 วิธีการศึกษา ทดสอบการออกฤทธิ์ทางชีวภาพของพืชสมุนไพรบางชนิด - ทำการสกัดสมุนไพรที่ได้ทำการคัดเลือกไว้ด้วยตัวทำละลายน้ำนำมาระเหยตัวทำละลายด้วย เครื่อง evaporator เก็บสารสกัดที่ได้ในขวดสีชา และนำไปเก็บรักษาในตู้เย็นเพื่อรอทดสอบ - นำสารสกัดที่ได้จากพืชสมุนไพรต่างๆและยาปฏิชีวนะ (ตัวควบคุมบวก) มาทำการทดสอบการ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในทางเดินอาหารด้วยวิธี agar well diffusion บ่มเพาะเชื้อ สังเกตวงใส - นำสารสกัดที่ได้มาทำการทดสอบกิจกรรมในการต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระด้วยวิธีที่เหมาะสม พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากพืชสมุนไพร - ผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพร นำส่วนของพืชสมุนไพรที่สนใจและให้ฤทธิ์ทางชีวภาพที่เหมาะสม เช่น เปลือก ใบ เป็นต้น นำชิ้นส่วนดังกล่าวมาทำความสะอาดนำมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม จากนั้นนำไปบดด้วยขนาดแรงที่เหมาะสมทำการบรรจุใส่ถุง นำไปทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสเป็นคะแนนสำหรับชาแต่ละชนิด - ผลิตภัณฑ์แยมผลไม้ผสมสมุนไพร นำผลไม้ที่เลือกไว้มาทำการหั่นหรือปั่นแบบหยาบๆ ผสมเพคติน น้ำตาลทรายในอัตราส่วนที่เหมาะสมคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำและตั้งไฟอ่อนๆ คนตลอดเวลา ใส่ส่วนประกอบอื่นๆเช่น เกลือ และใส่ผงสมุนไพรที่คัดเลือกไว้ เคี่ยวจนน้ำแห้งและเนื้อแยมหนืด นำไปทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสเป็นคะแนนสำหรับแยมแต่ละชนิด การวิจัยระยะที่ 4 - ผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งหมดจะต้องผ่านการนำมาทดสอบคุณภาพทางจุลชีววิทยาของผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ได้แก่ ตรวจหาจำนวนจุลินทรีย์ที่มีชีวิต (total viable aerobic microbial count) ตรวจสอบเชื้อราโดยวิธี plate method ตรวจหาเชื้อก่อโรค (Escherichia coli, Salmonella spp., Staphylococcus aureus, Pseudomonas aeruginosa) (อารีรัตน์, 2542) - ผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้ง 4 ชนิด ถูกนำมาออกแบบ packaging ใหม่ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สวยงามและทันสมัยเป็นที่ต้องการของตลาดต่อไป
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) :
เป็นงานวิจัยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสร้างรายได้แก่ชุมชนที่ทีมวิจัยออกให้บริการวิชาการทั้งการพัฒนาเครื่องสำอางพืชสมุนไพร การพัฒนาน้ามันหอมระเหยพืชสมุนไพรเพื่อการทำสปา การพัฒนาเครื่องดื่มและอาหารจากพืชสมุนไพร
รายชื่อนักวิจัยในโครงการ :
ลำดับที่ รายชื่อ ประเภทนักวิจัย บทบาทหน้าที่ สัดส่วน
1 นายธีระยุทธ เตียนธนา นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการวิจัย 20%
2 นายเรณู อยู่เจริญ นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย ผู้ร่วมวิจัย 20%
3 นายติยะภรณ์ เหลืองพิพัฒน์ นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย ผู้ร่วมวิจัย 20%
4 นายพันธ์ระวี หมวดศรี นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย ผู้ร่วมวิจัย 20%
5 นางสาวเพชรัชน์ อ้นโต นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย ผู้ร่วมวิจัย 20%

สถาบันวิจัยและพัฒนา

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ศูนย์การศึกษาย่านมัทรี
398/1 หมู่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี
จังหวัดนครสวรรค์ 60130

หมายเลขโทรศัพท์

056-219100 ต่อ 1139 งานวิจัย