รายละเอียดโครงการวิจัย

ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) :
รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลการเรียนรู้ของนักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการศึกษา
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) :
Blended learning model to promote Analytical thinking ability and learning outcomes of students in the field of study Computer and Educational Technology
หน่วยงานเจ้าของโครงการ :
คณะครุศาสตร์
ลักษณะโครงการวิจัย :
โครงการวิจัยเดี่ยว
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย :
ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย
ประเภทโครงการ :
โครงการวิจัยใหม่
วันเริ่มต้นโครงการ :
30 พฤศจิกายน 2563
วันสิ้นสุดโครงการ :
29 พฤศจิกายน 2564
ประเภทของการวิจัย :
งานวิจัยประยุกต์
ความสำคัญและที่มาของปัญหา :
         การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) เป็นสิ่งขับเคลื่อนการพัฒนารูปแบบ การเรียนการสอน จากที่ครูเป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหาแก่ผู้เรียนฝ่ายเดียว เปลี่ยนเป็นการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยมุ่งพัฒนาให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ผู้เรียนทุกระดับทุกประเภทการศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีทักษะและความรู้พื้นฐานทั้งในการดำรงชีวิต และในการทำงานอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยแนวทางในการพัฒนานั้นตามที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 22 กำหนดแนวทางในการจัดการศึกษาไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ฉะนั้นครูผู้สอนและผู้จัดการศึกษาจะต้องเปลี่ยนแปลงบทบาทจากการเป็นผู้ชี้นำ ผู้ถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้ช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนับสนุนผู้เรียนในการแสวงหาความรู้จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้เรียน เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้สร้างสรรค์ความรู้ของตน จากข้อความดังกล่าวสรุปได้ว่าการจัดการเรียนการสอนควรคำนึงถึงผู้เรียนเป็นสำคัญ และเลือกจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความถนัดของผู้เรียนแต่ละคน และจากรายงานผลสรุปการปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมาในด้านการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนและสถานศึกษาพบว่าสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่ยังไม่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ประเมินของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ จากการประเมินรอบแรก ร้อยละ 65 จากสถานศึกษาที่มีกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ ในส่วนที่เกี่ยวกับคุณภาพของผู้เรียนพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งจากผลการประเมินการดำเนินงานด้านการจัดการเรียนรู้ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานผลสรุปว่าความสามารถเชิงวิเคราะห์มีค่าคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งสอดคล้องกับผลจากการประเมินคุณภาพของ สมศ. ซึ่งมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้แก่มาตรฐานที่ 4 ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรอง และมีวิสัยทัศน์ มาตรฐานที่ 5 ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตร และมาตรฐานที่ 6 ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองรักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2552) ซึ่งสอดคล้องกับเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2540: 141-148) ที่กล่าวว่า สังคมไทยในอนาคต ต้องการผู้ที่มีความสามารถในการคิดหรือทักษะในการคิดเป็นอย่างมาก คนไทยที่ควรพึงประสงค์ในอนาคตควรมีลักษณะ “คิดเป็น” ใน 10 ลักษณะ ได้แก่ คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดวิพากษ์ คิดประยุกต์ คิดเปรียบเทียบ คิดบูรณาการคิดเชิงมโนทัศน์ คิดเชิงกลยุทธ์ คิดเชิงอนาคต และคิดสร้างสรรค์ เพื่อสามารถจะเผชิญกับปัญหา การดำเนินกิจกรรมต่างๆ และยกระดับคุณภาพชีวิตของตนให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป การนำเทคโนโลยีมาประกอบการจัดการศึกษาจะทำให้ห้องเรียนดีที่สุดด้วยการบูรณาการองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้ บรรยากาศมีผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน แบบการเรียนที่เหมาะสมกับผู้เรียน การเชื่อมโยงการเรียนรู้ใหม่กับความรู้เดิมด้วยเทคโนโลยี การช่วยให้ผู้เรียนเก็บความรู้ไว้ในความจำระยะยาวแทนการจำเพื่อนำไปใช้สอบ ความสำคัญของการสอนการคิดขั้นสูง เน้นการเรียนแบบร่วมมือ การช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จทุกคน และการประเมินการเรียนรู้สอดคล้องกับเพลกรัมและลอว์ (W.J. Pelgrum, N.Law, 2008: 43) ได้กล่าวถึงการจัดหลักสูตรสำหรับ ICT สามารถสรุปได้ว่า ในสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ การจัดระบบกระบวนการเรียนรู้สามารถแบ่งได้ตามลักษณะที่มีบทบาทและควบคุมโดยครูสำหรับการเรียนการสอนตามปกติ แต่ถ้ามีการจัดการศึกษาที่มีการเตรียมการอย่างเพียงพอสำหรับอนาคต (ในสังคมยุคข้อมูลข่าวสาร) โรงเรียนต้องมีผู้เรียนที่มีพลังในการที่จะเป็นผู้ที่ตื่นตัวและมีความรับผิดชอบในการจัดการและกระบวนการเรียนด้วยตัวเอง การเรียนรู้จะเป็นการเรียนโดยผู้เรียนเป็นผู้ควบคุมตนเองมากกว่า ในขณะที่มีการเรียนรู้ต้องมีอย่างไม่สิ้นสุดไม่เฉพาะแต่ในการเรียนภาคบังคับเท่านั้นแต่ต้องนำไปสู่การศึกษาตลอดชีวิต ผู้เรียนจะมีทักษะทางการเรียนจากผลผลิตที่ได้มา ทักษะในการคิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหาทักษะการเรียนแบบอิสระหรือทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต การจัดการเรียนรู้ในแต่ละวิธีซึ่งผู้เรียนสามารถที่จะเรียนถึงกระบวนการที่ได้มาของโครงสร้างนั้น ๆ ได้โดยการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญท่ามกลางสภาพอื่น ๆ และพื้นฐานทั่วไปและตามศักยภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ได้มาจากการเปรียบเทียบการศึกษาในรูปแบบเดิมการจัดการเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Instruction) ในการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นรูปแบบของการจัดการศึกษาที่สามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการค้นคว้าข้อมูลในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นการสนองตอบแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้โดยวิธีการที่หลากหลายและเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นประโยชน์ ซึ่งสื่อต่าง ๆ เหล่านี้สามารถกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และแก้ปัญหาได้อย่างอิสระ (สำนักงานคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติ, 2540: 25) ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของการเรียนรู้ที่เชื่อว่าผู้เรียนที่แสวงหาความรู้ด้วยตนเองจะเกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งกว่าการเรียนโดยได้รับการถ่ายทอดจากผู้สอนเพียงฝ่ายเดียว การจัดการสอนบนเว็บสนับสนุนให้ผู้เรียนใฝ่หาความรู้ด้วยตนเองและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับผู้เรียนคนอื่น ๆ และกับผู้สอนได้รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียนคนอื่น ๆ ผู้เรียนกับผู้สอน และผู้เรียนกับเนื้อหาโดยการเสาะแสวงหาข้อมูลจากบริการในอินเทอร์เน็ตด้วยตนเองจากบริการเวิลด์ไวด์เว็บ การโต้ตอบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) การสนทนา (chat) และกระดานสนทนา (web board) เป็นต้น ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นได้มากขึ้น กิจกรรมการเรียนการสอนจึงเป็นไปอย่างทั่วถึง เป็นลักษณะการเรียนที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและศักยภาพทางการเรียนรู้ของผู้เรียน เนื่องจากผู้เรียนสามารถเข้ามาศึกษาทบทวนเนื้อหา และฝึกทำแบบฝึกหัดบนเว็บได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ และยังเป็นการสนับสนุนแนวคิดที่ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (วิชุดา รัตนเพียร, 2553) แม้ว่าการจัดการเรียนการสอนบนเว็บจะได้รับนิยมอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังพบปัญหาในการออกแบบการเรียนการสอนบนเว็บ เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนบนเว็บไม่เหมาะสมกับรูปแบบการเรียน (learning style) และรูปแบบการคิด (cognitive style) ของผู้เรียนทุกรูปแบบ (Alvarez, 2005; Bonk and Graham, 2005) เมื่อเปรียบเทียบข้อดีของการจัดการเรียนการสอนบนเว็บกับการเรียนในชั้นเรียนแบบดั้งเดิม (Traditional classroom) พบว่าการจัดการเรียนการสอบบนเว็บมีข้อดีดังนี้ 1) ความยืดหยุ่นและความสะดวกสบาย (flexibility and convenience) ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามหลักสูตรโดยไม่มีข้อจำกัดของเวลาและสถานที่ ห้องเรียนแบบดั้งเดิมมักจะมีการกำหนดตารางเวลาตายตัว เมื่อใช้การเรียนการสอนบนเว็บจะลดปัญหาเรื่องการกำหนดเวลา สถานที่และราคาค่าใช้จ่ายบางประการลงไปได้ (Hall, 1997; Khan, 1997) 2) ความเหมาะสมในการเรียนรู้(Just-in-time learning) การเรียนการสอนบนเว็บมีความสัมพันธ์กับความต้องการที่จะเรียนรู้ของผู้เรียน ถ้าผู้ออกแบบการเรียนการสอนเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนจะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิตเมื่อต้องการที่จะเรียนรู้ (Khan,1997; IBM, 1997) 3) การควบคุมโดยผู้เรียน (learner control) การควบคุมการเรียนการสอนมีลักษณะผ่านจากผู้สอนไปสู่ผู้เรียน โดยผู้เรียนจะตัดสินใจและกำหนดเส้นทางการเรียน ตามความต้องการของตนเอง (Khan, 1997; Ellis, 1997) ถึงแม้ว่าการจัดการเรียนการสอนบนเว็บมีข้อดีกว่าการเรียนในชั้นเรียนแบบดั้งเดิมแต่การจัดการเรียนการสอนบนเว็บก็ยังมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับการเรียนในชั้นเรียนแบบดั้งเดิมดังนี้ 1) ด้านรูปแบบ (format weaknesses) รูปแบบการเข้าถึงมัลติมีเดียและประสิทธิภาพของการเรียนส่วนบุคคล การนำการเรียนการสอนบนเว็บมาใช้งาน ข้อความที่อ่านได้ยากกว่ารูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ วิดีทัศน์แบบออนไลน์ที่ช้ากว่าแถบบันทึกเสียงหรือโทรทัศน์อาจส่งผลให้ผู้เรียนสูญเสียความสนใจในการเรียน (Hall, 1997) 2)ปัญหาของเส้นทางการเข้าสู่เนื้อหา (navigational problems) รูปแบบไฮเปอร์เท็กซ์ (hypertext) และการที่ผู้เรียนเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการเรียนจากห้องเรียนไปสู่สภาพแวดล้อมที่เป็นเว็บที่มีการเชื่อมโยงไปยังแหล่งต่าง ๆ จากการควบคุมโดยผู้เรียน หากผู้เรียนหลงทางในสภาพแวดล้อมของเว็บการหลงทางจะทำให้ผู้เรียนสูญเสียความสนใจในการเรียนซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้เรียน ซึ่งการใช้ส่วนชี้นำ (cueing) สามารถช่วยให้ผู้เรียนลดปัญหาการหลงทางได้ (Hall, 1997; Hiles and Ewing,1997; Khan, 1997) 3) การขาดการติดต่อกับผู้อื่น (lack of human contact) ผู้เรียนบางคนชอบสภาพของการเรียนแบบดั้งเดิมที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ผู้สอนจะได้รับทราบปฏิกิริยาของผู้เรียนว่าเป็นอย่างไร แต่ผู้สอนในรูปแบบการเรียนการสอนบนเว็บนี้จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้เรียนกำลังสับสนหรือไม่เข้าใจเนื้อหาหรือไม่ถ้าไม่ได้ติดต่อสื่อสารกัน สภาพการเรียนการสอนบนเว็บผู้เรียนมีโอกาสจะได้ปฏิสัมพันธ์เช่นเดียวกับการเรียนแบบดั้งเดิมแต่จะมีวิธีการต่างไปโดยจะอาศัยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การอภิปราย หรือวิธีการอื่น ๆ แต่ผู้เรียนบางคนอาจขาดการติดต่อและขาดปฏิสัมพ
วัตถุประสงค์ของโครงการ :
1. เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลการเรียนรู้ของนักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการศึกษา 2. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาที่ใช้การเรียนการสอนแบบผสมผสาน 3. เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาก่อนและหลังการใช้การเรียนการสอนแบบผสมผสาน
ขอบเขตของโครงการ :
1. ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการศึกษาที่เรียนรายวิชาสื่อการสอนและการเรียนรู้ร่วมสมัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ กลุ่มตัวอย่าง คือนักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการศึกษา ที่เรียนรายวิชาสื่อการสอนและการเรียนรู้ร่วมสมัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 1.2 กลุ่มตัวอย่างผู้เชี่ยวชาญในการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการเรียนการสอนแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลการเรียนรู้ของนักศึกษา ได้แก่ อาจารย์ นักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญในสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 3 ท่าน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 1.3 กลุ่มตัวอย่างผู้เชี่ยวชาญในการประเมินบทเรียนออนไลน์วิชาสื่อการสอนและการเรียนรู้ร่วมสมัย โดยใช้ระบบบริหารการจัดการเรียนการสอน (LMS) ได้แก่อาจารย์ นักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญในสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 3 ท่าน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 1.4 กลุ่มตัวอย่างผู้เชี่ยวชาญในการประเมินแบบสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาที่เรียนด้วยการเรียนการสอนแบบผสมผสานด้วยกระบวนการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลการเรียนรู้ของนักศึกษาได้แก่ อาจารย์ นักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญในสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 3 ท่าน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 1.5 กลุ่มตัวอย่างผู้เชี่ยวชาญในการประเมินเครื่องมือแบบวัดการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาที่เรียนด้วยการเรียนการสอนแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลการเรียนรู้ของนักศึกษาได้แก่ อาจารย์ นักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญในสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 3 ท่าน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 2. ขอบเขตด้านเนื้อหา ในการศึกษาครั้งนี้ใช้เนื้อหาในรายวิชาสื่อการสอนและการเรียนรู้ร่วมสมัย ซึ่งเป็นรายวิชาเฉพาะด้านเนื้อหาของหลักสูตรคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการศึกษา หลักสูตรปรับปรุงปี 2558
ผลที่คาดว่าจะได้รับ :
1. ได้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานที่ส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลการเรียนรู้สำหรับนักศึกษา 2. ได้วิธีการสอนสำหรับนักศึกษาที่จะทำให้นักศึกษาได้เกิดการเรียนรู้ และมีความสุขในการเรียน 3. ผู้สอนสามารถที่จะนำรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาปริญญาตรีไปประยุกต์สำหรับนักศึกษาสาขาวิชาที่หลากหลายได้
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล :
         โครงการวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (experimental research) โดยมีการดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 เป็นการพัฒนาการเรียนการสอนแบบผสมผสานสำหรับรายวิชาสื่อการสอนและการเรียนรู้ร่วมสมัย ผู้วิจัยได้ดำเนินการดังนี้ การพัฒนาการเรียนการสอนแบบผสมผสานสำหรับรายวิชาสื่อการสอนและการเรียนรู้ร่วมสมัย นำข้อมูลที่ได้มาพิจารณาร่วมกับผลการประเมินกระบวนวิชาของนักศึกษาในปีที่ผ่านมาผู้วิจัยซึ่งเป็นผู้สอนได้ทบทวนและวางแผน วิเคราะห์และออกแบบกิจกรรมและสื่อการสอน โดยคำนึงหลักการออกแบบและกำหนดกิจกรรม 3 ประเด็น คือ 1) มีการทบทวนหรือแบบฝึกหัดความรู้ของผู้เรียน 2) ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกันเพื่อเสริมสร้างทักษะทางสังคม และ 3) ออกแบบและกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้หลักเพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ (Bersin, 2004) โดยมีขั้นตอนในการออกแบบการเรียนแบบผสมผสาน (อภิรดี นันท์ศุภวัฒน์, 2556: Sung, Kwon, & Ryu, 2008) ดังนี้ ขั้นการวิเคราะห์ (pre-analysis) เป็นขั้นตอนแรกซึ่งต้องพิจารณาข้อมูลและบริบททั่วไป ได้แก่ การวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้เรียน การวิเคราะห์วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการเรียนรู้ และการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้แบบผสมผสานขั้นการออกแบบกิจกรรมและสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ (design of activity and resources) เป็นการนำผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนแรก มาออกแบบกิจกรรมและสื่อการเรียนรู้ซึ่งจำแนกออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ การออกแบบภาพรวมของการเรียนรู้แบบผสมผสานประกอบด้วย 1) กิจกรรมการเรียนรู้แต่ละหัวข้อวิธีการ 2) นำเสนอบทเรียนในการเรียนรู้แบบผสมผสาน 3) และการสนับสนุนการเรียนรู้แบบผสมผสานการออกแบบกิจกรรมแต่ละหัวข้อ ประกอบด้วยนิยามผลลัพธ์จากการกระทำของผู้เรียน กิจกรรมในแต่ละวัตถุประสงค์ การจัดกลุ่มของกิจกรรมทั้งหมดการประเมินผลในแต่ละหน่วยเรียนการออกแบบและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ประกอบด้วยการเลือกเนื้อหาสาระ การพัฒนากรณีศึกษา บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สื่อมัลติมีเดีย (e-Book) การนำเสนอผลการออกแบบและการพัฒนาผลที่ได้จากขั้นตอนที่สองรายละเอียดการออกแบบบทเรียนในแต่ละส่วนการออกแบบและพัฒนาประเมินผลการเรียนการสอน โดยพิจารณาตามทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และทักษะวิชาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning Skills) ระยะที่ 2 เป็นการประเมินผลโดยการเปรียบเทียบความคิดวิเคราะห์และผลการเรียนรู้ก่อนและหลังการเรียนรายวิชาสื่อการสอนและการเรียนรู้ร่วมสมัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในระยะที่ 2 ประกอบด้วยนักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการศึกษาเพื่อเป็นผู้ทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานสำหรับรายวิชาสื่อการสอนและการเรียนรู้ร่วมสมัยที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นและเป็นผู้ประเมินตนเองเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ โดยการเปรียบเทียบก่อนและหลังจากการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ซึ่งในการศึกษาครั้งนี้ มีจำนวนนักศึกษา ชั้นปีที่ 2 จำนวน 30 คน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) :
-
รายชื่อนักวิจัยในโครงการ :
ลำดับที่ รายชื่อ ประเภทนักวิจัย บทบาทหน้าที่ สัดส่วน
1 นางสาวดวงใจ พุทธเษม นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการวิจัย 100%

สถาบันวิจัยและพัฒนา

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ศูนย์การศึกษาย่านมัทรี
398/1 หมู่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี
จังหวัดนครสวรรค์ 60130

หมายเลขโทรศัพท์

056-219100 ต่อ 1139 งานวิจัย