รายละเอียดโครงการวิจัย

ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) :
การพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) :
Development of Teaching Model for developing Emotional Intelligence with Experience-enhancement Activity in Child Development Center
หน่วยงานเจ้าของโครงการ :
คณะครุศาสตร์
ลักษณะโครงการวิจัย :
โครงการวิจัยเดี่ยว
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย :
ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย
ประเภทโครงการ :
โครงการวิจัยใหม่
วันเริ่มต้นโครงการ :
26 เมษายน 2562
วันสิ้นสุดโครงการ :
25 เมษายน 2563
ประเภทของการวิจัย :
การวิจัยและพัฒนา
ความสำคัญและที่มาของปัญหา :
         เด็กจำนวนหนึ่งเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูที่อยู่ในสภาพอารมณ์ที่รุนแรง ในระดับที่เบี่ยงเบนไปจากลักษณะทางอารมณ์และพฤติกรรมของเด็กปกติทั่วไป ทำให้เด็กกลุ่มนี้ถูกจัดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษกลุ่มหนึ่ง ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลือแก้ไขก่อนที่จะสายเกินแก้ เพราะถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือแก้ไขให้ทันท่วงที จะทำให้กลายเป็นเด็กที่มีปัญหากับตนเอง และก่อปัญหาเป็นภัยต่อผู้อื่นในสังคม ซึ่งอาจเรียกได้ว่า เป็นเด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรม ซึ่งลักษณะของเด็กกลุ่มนี้ จะไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพอันลึกซึ้งกับใคร ๆ ไม่รู้สึกผูกพันกับใคร มักมีเพื่อนในจินตนาการ ผู้ใหญ่ไม่ค่อยอยากจะมีสัมพันธภาพกับเด็ก สาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นเช่นนี้ยังไม่ทราบชัดเจน แต่การศึกษาค้นคว้าวิจัยในปัจจุบัน อธิบายว่า เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับสิ่งแวดล้อมเชิงสังคมที่ ไม่เอื้อต่อวุฒิภาวะทางสังคม และความผิดปกติในแง่ชีววิทยา ซึ่งเด็กจะมีพฤติกรรมที่เก็บตัว ถอยหนีสังคม ไม่มีสัมพันธภาพกับใครแบบรู้จักให้และรู้จักรับ มีพฤติกรรมต่อต้านสังคมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ก้าวร้าว ชอบทำตัวเป็นนาย ชอบครอบงำคนอื่น ชอบหาเรื่องทะเลาะกัน อิจฉา ขาดความรับผิดชอบ มักทำลายและทำร้ายผู้อื่น (ศรีเรือน แก้วกังวาล. 2545 : 168-169) เด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรมนั้น ย่อมพบเห็นอยู่ในทุกโรงเรียนทุกสถาบันการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลขึ้นไป จะต่างกันก็ตรงที่มีจำนวนมากหรือน้อยและมีปัญหาทางพฤติกรรมในขั้นรุนแรงเพียงใด เด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรมในโรงเรียนมักก่อปัญหาให้แก่ครูประจำชั้น ผู้ปกครอง เพื่อนนักเรียนด้วยกัน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ และปัญหาต่าง ๆ นี้ย่อมส่งผลต่อตัวเด็กเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่งผลกระทบต่อผลการเรียนของเด็ก เด็กจะมีผลการเรียนต่ำ เข้ากับเพื่อนไม่ได้ มักก่อกวนและสร้างความวุ่นวายในชั้นเรียน ล้อเลียนเพื่อน เพื่อความสนุกสนานของตนเอง ส่งเสียงดังและเสียงหัวเราะเป็นที่รำคาญ ในการเรียนการสอน เด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรม ครูจะต้องเผชิญกับปัญหาทางพฤติกรรมของเด็กมากมาย ที่จะต้องคอยแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งเด็กบางคนจะมีพฤติกรรมรุนแรงขึ้นเมื่อเด็กมีอายุมากขึ้นด้วยเช่นกัน จากลักษณะที่ได้กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าเด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรม มีความบกพร่องทางอารมณ์ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเองได้ ขาดสติความยับยั้งอารมณ์และพฤติกรรม การไม่รู้จักเห็นใจผู้อื่น และขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เรียกว่า ขาดทักษะ ความฉลาดทางอารมณ์ ดังที่โกแมน (Goleman. 1995 : 317) กล่าวว่า ความฉลาดทางอารมณ์ คือ ความสามารถในการตระหนักถึงความรู้สึกของตนเอง และความรู้สึกของผู้อื่น สามารถบริหารจัดการกับอารมณ์เพื่อเป็นที่จูงใจในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น ได้อย่างประสบความสำเร็จ เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้จักตนเอง การควบคุมอารมณ์ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา และมีทักษะทางสังคมที่ดี กิจกรรมเสริมประสบการณ์มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาการคิดของเด็กปฐมวัย เพราะลักษณะการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์อยู่บนพื้นฐานตามแนวคิดว่า เด็กทุกคนมีศักยภาพในการสร้างองค์ความรู้ โดยอาศัยสภาพจริงที่สอดคล้องกับบริบทของสังคมและวัฒนธรรมของคน โดยจัดอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติของเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ผ่านการสัมผัส การซึมซับ การเลียนแบบ การกระทำ การเล่นอย่างมีความสุข เพราะการที่เด็กได้ทดลองด้วยตนเองนั้นจะส่งผลต่อการพัฒนาความสามารถในการสรุปข้อค้นพบหรือเรียกว่า องค์ความรู้ ได้จากประสบการณ์ตรง เด็กได้มีโอกาสปฏิบัติโดยวิธีการที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นการฝึกเด็กให้ได้คิดแก้ ปัญหา ใช้เหตุผลและฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ได้แก่ การสนทนา การอภิปราย การเล่านิทาน การสาธิต การใช้คำถาม การทดลอง ปฏิบัติการ ศึกษานอกสถานที่ การเล่านิทาน บทบาทสมมติ การร้องเพลง เล่นเกม ท่องคำคล้องจอง ฯลฯ เนื่องจากวิธีการดังกล่าว เด็กได้มีโอกาสคิด ได้ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมซึ่งส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสอยู่ในสังคมและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เด็กได้ทดลองปฏิบัติ ให้เด็กได้สังเกตได้ค้นพบด้วยตนเอง ช่วยส่งเสริมการคิดวิจารณญาณของเด็กปฐมวัยอยู่ในระดับที่ดี ทั้งนี้เพราะรูปแบบการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ เด็กเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการทดลองด้วยตนเอง เด็กได้สำรวจวัสดุ บอกความเหมือนความแตกต่างของวัสดุอุปกรณ์ตามลักษณะและคุณสมบัติ จากปัญหาและความสำคัญดังกล่าว ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาและพัฒนารูปแบบการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์โดยการใช้กิจกรรมประสบการณ์ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ใน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
วัตถุประสงค์ของโครงการ :
1.เพื่อศึกษารูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 3. เพื่อประเมินรูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ขอบเขตของโครงการ :
ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพัฒนา เพื่อศึกษาและรูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การดำเนินการเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม นักวิจัยประกอบด้วย อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ นักศึกษา และครูผู้สอนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อ. เมือง จ.นครนครสวรรค์ ร่วมดำเนินการซึ่งแบ่งขอบเขตได้ดังต่อไปนี้ 1. ขอบเขตด้านพื้นที่ พื้นที่ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อ. เมือง จ.นครนครสวรรค์ 2. ขอบเขตด้านประชากร ครูผู้สอนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อ. เมือง จ.นครนครสวรรค์ 3. ขอบเขตด้านเนื้อหา ได้แก่ กิจกรรมเสริมประสบการณ์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ :
1.ได้รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2. ผู้สอนใช้รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล :
         1. ระเบียบวิธีวิจัย การวิจัยครั้งนี้ใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) ของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อเก็บข้อมูล และสร้างรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ในศูนย์เด็กเล็ก 2. แหล่งข้อมูล 2.1 แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ เป็นการศึกษาข้อมูลจากเอกสารทางวิชาการ สิ่งพิมพ์ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องและข้อมูลระดับสถานศึกษาเพื่อให้ได้แนวคิดทฤษฎีที่สามารถนำไปใช้ในการวางแนวทางในการศึกษาพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาและการอภิปรายอ้างอิง 2.2 ข้อมูลปฐมภูมิ เป็นข้อมูลที่ศึกษาได้จากการเก็บข้อมูลโดยตรงจากประชากรที่ศึกษา และเป็นการศึกษารายละเอียดต่อเนื่องจากข้อมูลทุติยภูมิ 3. กลุ่มประชากร ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในจังหวัดนครสวรรค์ 4. วิธีการเก็บข้อมูล ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลดังนี้ 4.1 การศึกษาบทบาทของครูผู้สอนในการพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4.2 การศึกษาปัญหาที่พบในใช้ในการสอน 4.3 สอบถามจากแบบสอบถามครูผู้สอนเกี่ยวกับการสอนความฉลาดทางอารมณ์ 4.4 จัดทำรูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีขั้นตอนดังนี้ - วิเคราะห์ระดับปัญหาเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์ที่พบเปรียบเทียบ และจัดกลุ่มปัญหาเพื่อกำหนดประเด็นในการพัฒนา - กำหนดองค์ประกอบของรูปแบบโดยวิเคราะห์ให้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งองค์ประกอบของรูปแบบจะประกอบด้วย ประเด็นปัญหาที่ต้องการพัฒนา ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เอกสารความรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ และการประมวลการเรียนรู้ 4.5 พัฒนารูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 5. การวิเคราะห์ข้อมูลและแปลผล การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจ แบบสัมภาษณ์ โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และจัดระบบข้อมูลและสังเคราะห์ตามวัตถุประสงค์การวิจัย
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) :
-
รายชื่อนักวิจัยในโครงการ :
ลำดับที่ รายชื่อ ประเภทนักวิจัย บทบาทหน้าที่ สัดส่วน
1 นางสาวนิพัทธา สังข์ยก นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการวิจัย 70%
2 นางสาวเนรัญชลา จารุจิตร นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย ผู้ร่วมวิจัย 30%

สถาบันวิจัยและพัฒนา

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ศูนย์การศึกษาย่านมัทรี
398/1 หมู่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี
จังหวัดนครสวรรค์ 60130

หมายเลขโทรศัพท์

056-219100 ต่อ 1139 งานวิจัย