รายละเอียดโครงการวิจัย

ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) :
รูปแบบการจัดการบึงบอระเพ็ดอย่างบูรณาการที่ตอบสนองต่อการพัฒนาและการ ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) :
Bung Boraphet management model integration of Responding to sustainable development and utilization
หน่วยงานเจ้าของโครงการ :
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ลักษณะโครงการวิจัย :
แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย :
ไม่ระบุ
ประเภทโครงการ :
โครงการวิจัยใหม่
วันเริ่มต้นโครงการ :
9 พฤศจิกายน 2561
วันสิ้นสุดโครงการ :
8 พฤศจิกายน 2562
ประเภทของการวิจัย :
การวิจัยและพัฒนา
ความสำคัญและที่มาของปัญหา :
         ในปัจจุบันสถานการณ์และปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ขาดการบำรุงรักษาเพื่อความยั่งยืน และการบริหารจัดการของรัฐที่ผ่านมายังไม่สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง (National Research Council, 2019) ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมานั้นมีสาเหตุมาจาก (1) ด้านกฎหมายและการเมือง (2) ด้านเจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (3) ด้านประชาชน (Natthawat, 2013) บึงบอระเพ็ดเป็นบึงทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่มีเนื้อที่ 132,737 ไร่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ กลางบึงบอระเพ็ดมีตำหนักแพที่สร้างขึ้นครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน เดิมบึงบอระเพ็ดแห่งนี้มีชื่อว่า "ทะเลเหนือ" หรือ "จอมบึง" เนื่องจากมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำเป็นจำนวนมาก จากการศึกษาของ Bueng Boraphed Research and Training Center (2015) พบว่ามีสภาพปัญหาสำคัญๆ ได้แก่ (1) ปัญหาข้อกฎหมายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและการปฏิบัติหน้าที่ (2) ขอบเขตบึงบอระเพ็ดทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคประชาชนไม่ทราบของเขตที่ชัดเจน (3) ด้านการบริหารจัดการ และ (4) การใช้ประโยชน์ที่ทับซ้อนกัน ประกอบกับ รัฐบาลมีนโยบายที่สำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยดำเนินการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากหรือเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local economy) ซึ่งมีความสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งมุ่งเน้นการยกระดับรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยอย่างทั่วถึง เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศมีการเจริญเติบโตอย่างมั่นคง มั่นคั่งและยั่งยืน รวมทั้งปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจการค้าของประเทศที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน เพื่อเป็นพลังสำคัญในการเร่งรัดการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจภายใต้แนวทางการขับเคลื่อนโดย “ประชารัฐ” ที่มีการบูรณาการงานของภาครัฐ เอกชนและชุมชน มีส่วนร่วมคิด ร่วมทำในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนหรือเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยอาศัยกลไกการพัฒนาระบบตลาดในการดูแลและดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการยกระดับความสามารถและเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจตลาดอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ในการส่งเสริมและพัฒนาตลาดเพื่อให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าได้ตามบริบทในเชิงพื้นที่โดยรอบบึงบอระเพ็ดของจังหวัดนครสวรรค์นั้น ต้องอาศัยจุดเด่นของท้องถิ่นมาผสมผสานเพื่อสร้างอัตลักษณ์ของพื้นที่เป็นจุดเด่นสำคัญให้กับสินค้าและบริการที่พึ่งพาอาศัยแหล่งวัตถุดิบจากบึงบอระเพ็ด สามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวต้องแวะไปชม ดังนั้นการวางแผนพัฒนาต้องใช้ความต้องการของตลาดเป็นตัวตั้ง (Demand-driven) และค้นหาจุดแข็งและศักยภาพเชิงพื้นที่โดยรอบบึงบอระเพ็ดของจังหวัดนครสวรรค์ (Strategic position) รวมทั้งยกระดับผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้สอดคล้องกับการค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนไป โดยการสร้างและพัฒนาตลาด เพราะที่ใดมีตลาด ที่นั่นจะเกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้า การขายในลักษณะการเชื่อมโยงและขยายความร่วมมือ (Collaborative) ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคในรูปแบบการตลาดชุมชนจนเกิดเป็นห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนเชื่อมโยงในทุกระดับต่อไป จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทำให้คณะผู้วิจัยเห็นว่าบึงบอระเพ็ดเป็นแหล่งน้ำจืดธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติและผู้อยู่อาศัยและมีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่มีอยู่ในบึงบอระเพ็ดอย่างกว้างขวางไม่มีขีดจำกัด ที่ผ่านมาในอดีตจนถึงปัจจุบันบึงบอระเพ็ดมีปัญหาในการจัดการด้านต่าง ๆ มากมายและยังไม่สามารถหาทางออกที่เหมาะสมได้ ทำให้การพัฒนาบึงบอระเพ็ดไม่ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่มาจากการขาดความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ การแย่งชิงทรัพยากรภายในบึงบอระเพ็ด ความไม่ชัดเจนและไม่เข้าใจในกฎหมายที่มีอยู่ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน ในการพัฒนาอาชีพของกลุ่มอาชีพหรือประชาชนที่อาศัยอยู่ในบึงบอระเพ็ดยังไม่มีความเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง ยังขาด กลยุทธ์ด้านการตลาด ทำให้อาชีพที่ต้องพึ่งพาอาศัยทรัพยากรในบึงบอระเพ็ดไม่ประสบความสำเร็จของธุรกิจชุมชน ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงเล็งเห็นความสำคัญที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น จึงสนใจที่จะศึกษาเรื่อง “รูปแบบการจัดการบึงบอระเพ็ดอย่างบูรณาการที่ตอบสนองต่อการพัฒนาและใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน” และเมือได้ดำเนินการศึกษาแล้วผลที่ได้รับจะทำให้การจัดการปัญหาภายในบึงบอระเพ็ดสามารถแก้ไขลงได้ มีคู่มือการใช้กฎหมายเป็นการเฉพาะสำหรับบึงบอระเพ็ดโดยตรง ลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบึงบอระเพ็ดประกอบอาชีพแบบพึ่งพาอาศัยทรัพยากรในบึงบอระเพ็ดได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ส่งผลให้การพัฒนาและใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป
วัตถุประสงค์ของโครงการ :
1. เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาและใช้ประโยชน์ทรัพยากรในบึงบอระเพ็ดอย่างยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน หน่วยงาน และภาคีเครือข่าย 2. เพื่อสำรวจและวิเคราะห์กฎหมายเพื่อจัดทำคู่มือการใช้กฎหมายเกี่ยวกับบึงบอระเพ็ดอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ 3. การพัฒนาศักยภาพการประกอบธุรกิจชุมชนและการพึ่งพาอาศัยบึงบอระเพ็ดอย่างยั่งยืน กรอบแนวคิดในการวิจัย
ขอบเขตของโครงการ :
ผลที่คาดว่าจะได้รับ :
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล :
         การวิจัยครั้งนี้มีวิธีการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาแนวทางการพัฒนาและใช้ประโยชน์ทรัพยากรในบึงบอระเพ็ดอย่างยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน หน่วยงาน และภาคีเครือข่าย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยได้กำหนดประชากรตามลักษณะการเก็บข้อมูล โดยการคัดเลือกแบบเจาะจง ดังนี้ (1) การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการใช้ประโยชน์ทรัพยากรในบึงบอระเพ็ด ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่สำคัญในการให้ข้อมูลได้แก่ ตัวแทนประชาชน จำนวน 62 คน ตัวแทนผู้นำชุมชน จำนวน 62 คน ตัวแทนกลุ่มอาชีพ จำนวน 14 คน รวมสัมภาษณ์ทั้งสิ้น 138 คน (2) การสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลและระดมความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน จำนวน 15 คน ตัวแทนผู้นำชุมชน จำนวน 15 คน ตัวแทนกลุ่มอาชีพ จำนวน 15 คน และตัวแทนหน่วยงาน จำนวน 15 คน รวมจำนวนสนทนากลุ่มทั้งสิ้น 60 คน ในการสนทนากลุ่มจะจัดกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มย่อยตามลักษณะของกลุ่มตัวอย่างที่มีความแตกต่างกัน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เพื่อรวบรวมข้อมูลที่มีรายละเอียดและเนื้อหาสาระตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย (Cooper & Schindler, 2001) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) และการสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลควบคู่ไปกับการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลรายบุคคล และภายหลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วนแล้ว ผู้วิจัยวิเคราะห์โดยเลือกวิธีใช้ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ขั้นตอนที่ 2 สำรวจและวิเคราะห์กฎหมายเพื่อจัดทำคู่มือการใช้กฎหมายเกี่ยวกับบึงบอระเพ็ดอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยได้กำหนดประชากรตามลักษณะการเก็บข้อมูล โดยการคัดเลือกแบบเจาะจง ดังนี้ (1) การค้นหาประเด็นข้อขัดแย้งของกฎหมาย จะเป็นการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key information) ในประเด็นของปัญหาข้อขัดข้องที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาบึงบอระเพ็ด และข้อขัดแย้งระหว่างประชาชน และหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง ใช้วิธีเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) จากแกนนำชุมชน จำนวน 31 คน ตัวแทนประชาชน จำนวน 31 คน ตัวแทนกลุ่มอาชีพ จำนวน 35 คนและตัวแทนหน่วยงาน จำนวน 15 คน รวมทั้งสิ้น 112 คน (2) การวิเคราะห์ข้อกฎหมาย ในขั้นตอนนี้การวิเคราะห์ข้อกฎหมายที่ได้ทำสำรวจและรวบรวมจากหน่วยงานต่าง ๆ มาดำเนินการสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) จากตัวแทน ประชาชน กลุ่มอาชีพ ผู้นำชุมชน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย จำนวน 5 คน และตัวแทนแต่ละหน่วยงานที่อยู่ในบึงบอระเพ็ด จำนวน 15 คน รวมทั้งสิ้น 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เพื่อรวบรวมข้อมูลที่มีรายละเอียดและเนื้อหาสาระตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย (Cooper & Schindler, 2001) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) และการสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลควบคู่ไปกับการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลรายบุคคล และภายหลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วนแล้ว ผู้วิจัยวิเคราะห์โดยเลือกวิธีใช้ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ขั้นตอนที่ 3 การพัฒนาศักยภาพการประกอบธุรกิจชุมชนและการพึ่งพาอาศัยบึงบอระเพ็ดอย่างยั่งยืน ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรและกลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็นกลุ่ม ดังนี้ (1) กลุ่มอาชีพที่ถูกคัดเลือกในการศึกษา ในพื้นที่โดยรอบบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์โดยมุ่งศึกษาที่ประธานกลุ่ม/หัวหน้า คณะกรรมการ สมาชิก ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ชาวบ้านในพื้นที่ จำนวนแห่งละ 10 คน รวม 20 คน (2) กลุ่มสมาชิก ในการศึกษาสภาพปัญหา จุดแข็ง จุดอ่อน และปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการประกอบการกลุ่มอาชีพ ประกอบด้วย ประธานกลุ่ม คณะกรรมการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จำนวนแห่งละ 5 คน รวม 10 คน (3) ผู้เชี่ยวชาญในการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการชุมชน จำนวน 3 คน (4) กลุ่มอาชีพที่ถูกคัดเลือกในการศึกษา เพื่อเข้าสู่กระบวนการอบรมให้ความรู้แก่ประธานกลุ่ม/หัวหน้า คณะกรรมการ สมาชิกในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการชุมชน จำนวน 3 แห่ง แห่งละ 8 คน รวม 24 คน (5) ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำด้านการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ จำนวน 3 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เพื่อรวบรวมข้อมูลที่มีรายละเอียดและเนื้อหาสาระตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) และการสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลควบคู่ไปกับการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลรายบุคคล และภายหลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วนแล้ว ผู้วิจัยวิเคราะห์โดยเลือกวิธีใช้ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) :
-
รายชื่อนักวิจัยในโครงการ :
ลำดับที่ รายชื่อ ประเภทนักวิจัย บทบาทหน้าที่ สัดส่วน
1 นางสุวรรณา คุณดิลกณัฐวสา นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการวิจัย 50%
2 นายเฉียงตะวัน ยอดดำเนิน นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย ผู้ร่วมวิจัย 25%
3 นางสาวธิติยา ทองเกิน นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย ผู้ร่วมวิจัย 25%

สถาบันวิจัยและพัฒนา

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ศูนย์การศึกษาย่านมัทรี
398/1 หมู่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี
จังหวัดนครสวรรค์ 60130

หมายเลขโทรศัพท์

056-219100 ต่อ 1139 งานวิจัย