มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
สถาบันวิจัยและพัฒนา
ระบบจัดการงานวิจัย
NSRU
RESEARCH
หน้าหลัก
ค้นหารายการ
ข้อมูลงานวิจัย
ข้อมูลนักวิจัย
รายงานสถิติ
งานวิจัย
งานทรัพย์สินทางปัญญา
เข้าสู่ระบบ
รายละเอียดโครงการวิจัย
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) :
การพัฒนาเครื่องอบผลิตภัณฑ์แผ่นแปะกันยุงสำหรับเด็กวัยทารกจากสมุนไพรไทย 6 ชนิด โดยการประยุกต์การอบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วม
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) :
Heat Treatment Development for Thailand Herbal Mosquito repellent Patches Six Species for Infancy by Application of Hybrid Solar dryer for Mosquito repellent Patches.
หน่วยงานเจ้าของโครงการ :
คณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
ลักษณะโครงการวิจัย :
โครงการวิจัยเดี่ยว
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย :
ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย
ประเภทโครงการ :
โครงการวิจัยใหม่
วันเริ่มต้นโครงการ :
1 มกราคม 2559
วันสิ้นสุดโครงการ :
1 มกราคม 2559
ประเภทของการวิจัย :
งานวิจัยประยุกต์
ความสำคัญและที่มาของปัญหา :
ปัจจุบันพบว่าในโลกนี้มียุงประมาณ 3,450 ชนิด ส่วนในประเทศไทยพบว่ามียุงอย่างน้อย 412 ชนิด มีชื่อเรียกตามภาษาไทยแบบง่าย ๆ คือ ยุงลาย ( Aedes ) ยุงรำคาญ ( Culex ) ยุงก้นปล่อง ( Anopheles ) ยุงเสือหรือยุงลายเสือ ( Mansonia ) และ ยุงยักษ์หรือยุงช้าง ( Toxorhynchites ) ยุงเป็นแมลงที่มีขนาดเล็กโดยทั่วไปมีขนาดลำตัวยาว 4-6 มม. บางชนิดมีขนาดเล็กมาก 2-3 มม. และบางชนิดอาจยาวมากกว่า 10 มม. ยุงมีส่วนหัว อก และท้อง ยุงตัวเมียเมื่อมีอายุได้ 2-3 วันจึงเริ่มออกหากินเลือดคนหรือสัตว์ เพื่อนำเอาโปรตีนและแร่ธาตุไปใช้สำหรับการเจริญเติบโตของไข่ในรังไข่ แต่มียุงบางชนิดที่ไม่จำเป็นต้องกินเลือดก็สามารถสร้างไข่ในรังไข่ได้ เช่น ยุงยักษ์ เลือดที่กินเข้าไปถูกย่อยหมดไปในเวลา 2-4 วัน แต่ถ้าอากาศเย็นลงการย่อยจะใช้เวลานานออกไป เมื่อไข่สุกเต็มที่ยุงตัวเมียจะหาแหล่งน้ำที่เหมาะสมในการวางไข่ หลังจากวางไข่แล้วยุงตัวเมียก็ออกดูดเลือดใหม่และวางไข่ได้อีก บางชนิดที่มีอายุยืนมากอาจไข่ได้ร่วม 10 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 4-5 วัน (ปรัชญา สมบูรณ์, 2558) โรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุงเป็นพาหะนำโรค ที่สำคัญ 3 โรค ได้แก่ ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบ เจ อี (Japanese Encephalitis) และโรคมาลาเรีย ไข้เดงกี่ และ ไข้เลือดออกเดงกี่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี สายพันธุ์ 2501 (Dengue virus 2501) โดยมียุงลาย เป็นพาหะนำโรค ยุงลายมีลักษณะสีขาวสลับดำ มีแหล่งเพาะพันธุ์คือ แหล่งน้ำขังที่ใสและนิ่ง พบชุกชุมมากในฤดูฝน ใช้เวลาฟักตัวจนกระทั่งเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 9-12 วัน ยุงลายเป็นยุงที่ออกดูดเลือดตอนกลางวัน น้ำลายของยุงลายจะมีเชื้อไวรัสเดงกี่ปนเปื้อนอยู่ เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่กระแสเลือดของคนที่ถูกยุงลายกัดได้ พบผู้ติดเชื้อได้ทุกช่วงอายุ โดยผู้ใหญ่มักจะมีอาการไม่รุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อนพบน้อยกว่าเด็ก แต่เมื่อใดถ้าอาการเกิดรุนแรงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนแล้วมักจะพยากรณ์โรคเลวร้ายกว่าผู้ป่วยเด็ก โดยเชื้อไวรัสจะทำให้มีอาการไข้สูง ถ้ามีไข้เพียงอย่างเดียวจะเรียกว่าไข้เดงกี่ แต่ถ้าตรวจเลือดพบภาวะเกล็ดเลือดต่ำ มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเลือดออกง่ายและมีการรั่วของพลาสมา จะเรียกว่าไข้เลือดออกเดงกี่ ทั้งนี้ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกเดงกี่อาจมีน้อยมากคือมีไข้เพียงอย่างเดียว หรืออาจรุนแรงมากจนเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวัคซีนป้องกันไวรัสนี้ การรักษาจึงเน้นที่อาการและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคนี้ การติดต่อเกิดจากยุงลาย (Aedes aegypti ) โดยยุงลายตัวเมียจะดูดเลือดของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่ช่วงที่มีไข้สูง ซึ่งจะมีเชื้ออยู่ในกระแสเลือด และเชื้อจะเพิ่มจำนวนในยุงนาน 8-10 วัน จากนั้นเชื้อจะไปสะสมอยู่ที่ต่อมน้ำลายของยุง เมื่อยุงลายกัดคนจะมีน้ำลายที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่ปนออกมาด้วยทำให้สามารถ แพร่เชื้อให้คนที่ถูกกัดคนต่อไปได้อายุขัยยุงลายชนิดนี้ประมาณ 30-45วัน โรคไข้สมองอักเสบ เจ อี เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Japanese encephalitis virus (JEV) ที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากพบรายงานผู้ป่วยครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2476 และพบผู้ป่วยโรคนี้ในประเทศไทยครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยมียุงรำคาญ เป็นพาหะนำโรค ยุงรำคาญมีสีน้ำตาลหรือดำ เพาะพันธุ์ใน แหล่งน้ำขังนิ่งจะเป็นน้ำสะอาดหรือสกปรกก็ได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มีการทำนาร่วมกับการทำปศุสัตว์ ยุงชนิดนี้พบชุกชมที่ภาคเหนือถึงร้อยละ 80 ระยะฟักตัวจนกระทั่งเป็นตัวเต็มวัยนาน 9-13 วัน ยุงรำคาญมักจะออกหากินในเวลากลางคืน ผู้ติดเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบ เจ อี เป็นได้ทุกช่วงอายุแต่พบมากในเด็กแรกเกิดถึง14 ปี โดยเฉพาะเด็กก่อนวัยเรียน เชื้อไวรัสจะทำให้สมองเกิดการอักเสบ มีโอกาสสมองพิการและเสียชีวิตได้มาก ความสำคัญจึงอยู่ที่การป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้ ซึ่งนอกจากจะต้องระวังไม่ให้ยุงกัดแล้ว ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปี สำหรับผู้ที่ติดเชื้อนี้แล้ว ไม่มียารักษาเฉพาะ การรักษาส่วนใหญ่เป็นการให้ยาตามอาการและการระวังไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน เมื่อป่วยเป็นโรคนี้แล้วพบว่าอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 50 โรคมาลาเรีย หรือ ไข้จับสั่น หรือ ไข้ป่า เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวพลาสโมเดียม (Plasmodium spp.) ที่ก่อโรคในมนุษย์มีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ P. falciparum, P. vivax, P. malariae, P. ovale และ P. knowlesi โรคนี้มีประวัติการระบาดมายาวนานกว่า 1,500 ปี จนเมื่อปีพ.ศ. 2423 แพทย์ทหารชาวฝรั่งเศสชื่อ Charles-Louis-Alphonse Laveran ได้ตรวจพบเชื้อพลาสโมเดียมในเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยโรคมาลาเรีย ยุงที่เป็นพาหะนำโรคนี้คือ ยุงก้นปล่อง ในสกุล Anopheles ซึ่งเป็นยุงที่มีขนาดใหญ่ สีน้ำตาลหรือดำ จุดสังเกตคือเวลาเกาะแล้วดูดเลือดจะยกก้นขึ้นทำมุมกับผิวหนังประมาณ 45 องศา พบชุกชุมมากในฤดูฝน ช่วงฟักตัวจนถึงตัวเต็มวัย ใช้เวลาระยะเวลานาน 9-12 วันโดยยุงก้นปล่องสายพันธุ์ dirus จะพบในป่าทึบโดยใช้ แอ่งน้ำขังนิ่ง น้ำสะอาด เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ และมักจะออกมาดูดเลือดคนในเวลากลางคืน ส่วนยุงก้นปล่องสายพันธุ์ minimus พบบริเวณชายป่า มีแหล่งเพาะพันธุ์คือลำธารที่มีน้ำสะอาดไหลเอื่อยๆ ยุงสายพันธุ์หลังนี้จะออกมากัดคนในช่วงเวลาหัวค่ำจนถึงดึก เด็กที่ได้รับเชื้อจะอาการหนักกว่าผู้ใหญ่ ปัจจุบันมียาฆ่าเชื้อพลาสโมเดียมเฉพาะ แต่พบว่าเชื้อดื้อยาค่อนข้างมาก ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ดีสำหรับป้องกันโรคมาเลเรีย สมุนไพรของประเทศไทยหลายชนิดสามารถป้องกันยุงได้ โดยการสกัดน้ำมันจากสมุนไพรไทย ใช้ ทาผิวหนัง เนื่องจากมีกลิ่นที่ยุงไม่ชอบ ทำให้ยุงบินหนีไปไม่เข้ามาใกล้ (มีคุณสมบัติเป็น repellent) จึงช่วยป้องกันมิให้ยุงกัด สารที่สกัดได้จากพืช เช่น น้ำมันตะไคร้หอม น้ำมันจากต้นน้ำมันเขียว (ยูคาลิปตัส) ใบกระเพรา ต้นสะเดาหรือเมล็ดสะเดา ลูกมะกรูด สะระแหน่ กระเทียม เป็นต้น จากปัญหาข้างต้นคณะผู้วิจัยจึงได้คิดค้นที่จะพัฒนาเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมเพื่ออบแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพร โดยเลือกกลิ่นสมุนไพรไทย 6 ชนิดขึ้นมา และนำวัตถุดิบสมุนไพรไทยแต่ละชนิดนำมาสกัดน้ำมันและออกแบบสร้างเครื่องอบพลังแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมที่สามารถอบน้ำมันสกัดจากสมุนไพรให้กับแผ่นแปะกันยุงซึ่งสามารถใช้แปะเสื้อทารกวัยแรกเกิดเพื่อกันยุงได้ เพื่อลดการเกิดโรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะให้กับเด็กวัยทารก อีกทั้งลดการใช้สารเคมีในผลิตภัณฑ์กันยุง รวมถึงส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน อีกทั้งยังเป็นการประยุกต์การใช้พลังงานทดแทนให้เกิดประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์ของโครงการ :
1. เพื่อออกแบบสร้างเครื่องอบพลังแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมที่สามารถอบน้ำมันสกัดจากสมุนไพรให้กับแผ่นแปะกันยุง 2. เพื่อหาอัตราการใช้พลังงานในการอบแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด 3. เพื่อวิเคราะห์คุณภาพแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด 4. เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของเครื่องอบพลังแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมที่สามารถอบน้ำมันสกัดจากสมุนไพรให้กับแผ่นแปะกันยุง
ขอบเขตของโครงการ :
โครงการวิจัยนี้มุ่งเน้นในกระบวนการอบแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมให้กับแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด และทดสอบวิเคราะห์คุณภาพแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด โดยการทดสอบและวิเคราะห์ของแพทย์ - ออกแบบและสร้างเครื่องอบแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมให้กับแผ่น แปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด - ทดสอบสมรรถนะของเครื่องอบแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมให้กับ แผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด - วิเคราะห์คุณภาพของแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด - วิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของเครื่องอบแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็น พลังงานร่วมให้กับแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด
ผลที่คาดว่าจะได้รับ :
1. ได้กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์แผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรไทย 6 ชนิด สำหรับเด็กวัยทารกด้วยเครื่องอบแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วม 2. ได้แผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรไทยทั้ง 6 ชนิด 3. เกิดความร่วมมือในการพัฒนากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรสำหรับเด็กวัยทารกระหว่างบุคลากรของสถาบันศึกษาและบุคลากรของโรงพยาบาล 4. สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปเผยแพร่แก่กลุ่มชุมชนอื่นๆที่สนใจได้ 5. ได้ต้นแบบแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรไทยจากกลิ่นสมุนไพรต่างๆทั้ง 6 ชนิด 6. ได้ผลการวิเคราะห์และทดสอบการคงอยู่ของกลิ่นสมุนไพรและคุณภาพการกันยุง 7. ได้ผลการทดสอบอัตราการใช้พลังงานในการอบแผ่นแปะกันยุงด้วยเครื่องอบพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วม 8. ได้ผลการวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของเครื่องอบแผ่นแปะด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 9. ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้านสมุนไพรไทยสำหรับเด็กวัยทารก 10. ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยในงานประชุมวิชาการระดับชาติหรือนานาชาติหรือตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการที่มีคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิตรวจประเมินงาน
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล :
- ออกแบบและสร้างเครื่องอบแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมให้กับแผ่น แปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด - ทดสอบสมรรถนะของเครื่องอบแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมให้กับ แผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด - วิเคราะห์คุณภาพของแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด - วิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของเครื่องอบแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็น พลังงานร่วมให้กับแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) :
คณะผู้วิจัยจึงได้คิดค้นที่จะพัฒนาเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมเพื่ออบแผ่นแปะกันยุงจากสมุนไพร โดยเลือกกลิ่นสมุนไพรไทย 6 ชนิดขึ้นมา และนำวัตถุดิบสมุนไพรไทยแต่ละชนิดนำมาสกัดน้ำมันและออกแบบสร้างเครื่องอบพลังแสงอาทิตย์เป็นพลังงานร่วมที่สามารถอบน้ำมันสกัดจากสมุนไพรให้กับแผ่นแปะกันยุงซึ่งสามารถใช้แปะเสื้อทารกวัยแรกเกิดเพื่อกันยุงได้ เพื่อลดการเกิดโรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะให้กับเด็กวัยทารก อีกทั้งลดการใช้สารเคมีในผลิตภัณฑ์กันยุง รวมถึงส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน อีกทั้งยังเป็นการประยุกต์การใช้พลังงานทดแทนให้เกิดประสิทธิภาพ
รายชื่อนักวิจัยในโครงการ :
ลำดับที่
รายชื่อ
ประเภทนักวิจัย
บทบาทหน้าที่
สัดส่วน
1
นายถิรายุ ปิ่นทอง
นักวิจัยภายในมหาวิทยาลัย
หัวหน้าโครงการวิจัย
60%
2
นางสาวพิมพ์ชนก ปิ่นทอง
นักวิจัยภายนอกมหาวิทยาลัย
ผู้ร่วมวิจัย
40%
สถาบันวิจัยและพัฒนา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ศูนย์การศึกษาย่านมัทรี
398/1 หมู่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี
จังหวัดนครสวรรค์ 60130
หมายเลขโทรศัพท์
056-219100 ต่อ 1139 งานวิจัย
website
rdi.nsru.ac.th
Smart Rdi Nsru